กริ๊ง~ กริ๊ง~
เสียงคุยจอกแจ๊กจอแจในยามเช้าของโรงเรียนไฮสคูลแห่งหนึ่งสดใสเหมือนกับทุกๆวัน เด็กนักเรียนบ้างก็จับกลุ่มนั่งคุยเรื่องที่เจอะเจอมาในวันเสาร์-อาทิตย์ บ้างก็นั่งเล่นเกม หรือเล่นอะไรกันต่างๆนาๆ แต่ไม่ใช่สำหรับคิมซองกยูเด็กนักเรียนแว่นโตคนนี้ เวลาพักระหว่างคาบเรียน หรือทั้งวันในโรงเรียน เขาไม่เคยพูดกับใครจนเพื่อนๆที่เคยจะชวนคุยก็ห่างหายไปตามๆกัน จนหลายคนคิดว่าเขาเป็นใบ้ แม้แต่เขาเองก็ไม่รู้ทำไมถึงไม่ยอมพูดกับเพื่อน เขาเป็นแบบนนี้มาตั้งแต่เด็ก พูดคุยกับแค่พ่อแม่พี่น้องเท่านั้น และเพราะเป็นแบบนี้นี่แหละทำให้เขาไม่มีเพื่อน..
..จนเช้าวันนี้ที่มีเขาเดินเข้ามา..
ตึกๆ~
เสียงอาจารย์ประจำชั้นที่เดินมาเข้าในห้องเรียนพร้อมกับเด็กนักเรียนใหม่คนหนึ่ง เรียกความสนใจของทุกๆคนในห้องให้หันไปมอง ซี่งคิมซองกยูก็เช่นกัน ใบหน้าน่ารักที่เขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ดวงตาที่ดูสดใสราวกับไปคนที่สนุกสนานอยู่ตลอด จมูกโด่งรั้นที่ดูแล้วคงน่าจะดื้อรั้นน่าดู กับริมฝีปากลูกเชอร์รี่น่ากิน(?)สีแดงสดนั่นอีก..
อยากขยับเข้าไปใกล้เธออยากรู้จักตั้งแต่ได้เจอใจฉันสั่นเมื่อได้ยินเสียงเธอตั้งแต่วันแรกเจอ ก็เผลอเอาไปคิดละเมอ
“นักเรียนทั้งหมด ทำความเคารพ!”
“สวัสดีค่ะ คุณครู”
เมื่อสิ้นเสียงทำความเคารพของเด็กนักเรียนแล้ว คุณครูประจำชั้นจึงมองไปยังทุกคนในห้อง
“สวัสดีค่ะนักเรียนที่น่ารักของครูทุกๆคน วันนี้ครูมีเพื่อนใหม่มาฝากให้พวกเราช่วยกันรักและดูแล” คุณครูคนสวยหยุดพูดก่อนจะหันไปมองคนตัวเล็กที่อยู่ข้างๆ “เอาล่ะ แนะนำตัวเลยจ้ะ”
“สวัสดีครับ ผมคือคนที่จะมาเพิ่มความสดใสให้กับทุกคน’นัมอูฮยอน’ครับ ฮี่~” เสียงแนะนำตัวที่แสนเงอะงะพร้อมรอยยิ้มที่สดใสของเจ้าตัวจบลงด้วยเสียงหัวเราะของทุกคนที่กำลังมองร่างที่ยืนยิ้มอยู่หน้าห้องตอนนี้ ซึ่งคงมีแค่คนเดียวที่ไม่ได้หัวเราะแต่หากว่ากำลังจ้องมองคนหน้าห้องด้วยอาการตกใจ
ตึก ตัก ตึก ตัก~
ทำไมพอได้เห็นอากัปกิริยาคนตรงหน้าห้องแล้วใจเค้าเต้นแรงแบบนี้นะ เป็นเพราะอะไรกัน?
“อ่ะอูฮยอน เราไปนั่งข้างซองกยูนะ แถวที่สามตรงที่ว่างตรงนั้นน่ะ เดี๋ยวครูจะไปธุระต่อแล้ว” ว่าเสร็จคุณครูก็ชี้ไปที่ที่นั่งข้างซองกยูที่ว่างอยู่ ข้างๆเขา.. อะไรนะ! ข้างเขาเนี่ยนะ!
ขณะที่เพื่อนใหม่กำลังเดินเข้ามา ตอนนี้เขาไม่รู้จะทำยังไง ใจเต้นแรงอย่างกับว่าจะหลุดออกมาให้ได้ ตกใจก็ตกใจ แต่ในอีกความรู้สึกนึงก็แอบดีใจและตื่นเต้น ที่นั่งว่างตรงนี้ไม่มีใครมานั่งข้างเขานานมากกกกกกแล้ว เพื่อนที่เคยนั่งด้วยก็ย้ายที่กันไปหมด หวังว่าเพื่อนใหม่ของเขา(?)คนนี้จะไม่ขอย้ายที่เถอะนะ U_U
“สวัสดี ^^” นัมอูฮยอนทักทายเพื่อนใหม่อย่างเป็นมิตรพร้อมกับส่งยิ้มน่ารักให้
“อะ...” พยักหน้า คิมซองกยูได้แต่พยักหน้าอย่างเดียว ตอนแรกก็เป็นคนไม่พูดอยู่แล้ว และพอตอนนี้ยิ่งเขินก็ยิ่งไม่พูดเข้าไปใหญ่ ส่วนเรื่องที่ทำไมถึงเขินน่ะ ไม่ต้องบอกก็ร็ทั้ง ยิ้มมาซะขนาดนั้นน่ะ -/////-
“นายชื่อซองกยูใช่มั้ย? ได้ยินคุณครูพูดเมื่อกี้น่ะ”
“.....” พยักหน้า
“นามสกุลอะไรหรอ?” นัมอูฮยอนยังคงถามต่อไป โดยที่ไม่รู้อะไรเลย
“.....”
คำถามที่ว่านั้นทำให้ซองกยูนิ่งไปซักพัก ก่อนที่จะหยิบสมุดขึ้นมาเล่มหนึ่งแล้วชี้ไปที่ชื่อด้านหน้าปก
김성규
“คิมซองกยู..” อูฮยอนอ่านตามที่อีกคนชี้ “นามสกุลคิมหรอ?”
“.....” พยักหน้า
“นาย...ไม่พูดหรอ?
คำถามนี้ทำให้เขาใจกระตุกไปช่วงหนึ่ง เขารู้ว่ายังไงคนข้างๆเขาตอนนี้ก็ต้องถาม แต่สิ่งที่เขากลัวไม่ใช่เพราะเรื่องถามหรอก เขากลัวอูฮยอนจะรำคาญเขา เหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆต่างหาก..
“.....” พยักหน้า
“.....” ความเงียบเข้าปกคลุมบทสนทนาของเขากับร่างเล็กนี่ครู่หนึ่ง “งั้น..ก็ไม่มีเพื่อนน่ะสิ่”
เสียงพูดเมื่อครู่ของอูฮยอนนั้นเหมือนกับการพึมพำกับตัวเองมากกว่า แต่ว่าคิมซองกยูดันได้ยิน จึงทำให้เขารู้สึกสลดและกลัวลงไปอีก กลัวว่าอูฮยอนจะรำคาญเหมือนเพื่อนๆของเขา..
“แต่ไม่เห็นเป็นไรเลย~!”
หลังจากเงียบไปสักพักนึงคนข้างๆเขาก็โพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมา
“....?”
“ก็ดีเหมือนกัน นายไม่พูด แต่ฉันพูดมากนี่นา นายก็คอยฟังฉันอย่างเดียวแล้วกัน~ คิกๆ” พูดเสร็จอูฮยอนหันกับไปหัวเราะคนเดียวต่อราวกับว่าคิดเรื่องสนุกอยู่ ซึ่งพอดีกับอาจารย์ประจำคาบที่เดินเข้ามาพอดี ทำให้ซองกยู่ต้องหันกับไปเรียนก่อน..
+++ ไม่บอกเธอ +++
พอรู้จักก็อยากจะทักทายแต่พอไม่เจอแล้วใจก็วุ่นวายเธอหายไปก็ห่วงเธอแทบตายจะเป็นเช่นไร ตรงนั้นมีใครดูแลอยู่หรือไม่ ไม่รู้
กริ๊ง~!
เสียงกริ่งหมดคาบก่อนพักกลางวันพร้อมกับอาจารย์และนักเรียนบางส่วนกำลังเดินออกจากห้อง เว้นแต่สองคนที่นั่งอยู่ตรงกลางแถวที่สามนี้
คิมซองกยูที่เก็บหนังสือเรียนหมดแล้วหันไปมองร่างที่กำลังหลับอยู่ที่โต๊ะข้างๆตัวเอง ใบหน้าตอนหลับดูสงบนิ่งและสวยงามราวกับรูปปั้นทำให้เขาจ้องมองนานไปหน่อยจนทำให้คนที่กำลังหลับอยู่ตื่นขึ้นมา
จะว่าไปนัมอูฮยอนนี่กล้าไม่ใช่เล่นแฮะที่หลับตั้งแต่วันแรกที่เข้าเรียนเนี่ย~
“งืมๆ พักแล้วหรอ?”
นัมอูฮยอนว่าพลางบิดขี้เกียจไปด้วย สงสัยจะนอนท่าเดียวนานเกินไปล่ะมั้งเลยเมื่อย
“งั้นป่ะ! ไปกินข้าวกัน~!” อูฮยอนลุกขึ้นและจับข้อมือซองกยูให้ลุกขึ้นไปด้วย
“อื้อ..” ส่ายหน้า
“หืม?”
“.....” ทำท่ากินข้าวก่อนที่จะชี้นิ้วไปที่ใต้โต้ะ
“นายเตรียมมาหรอ?”
“.....” หงึกหงัก หงึกหงัก ~เป็นเครื่องหมายการพยักหน้า~ - -;;
“แล้วไม่เสียดายค่าอาหารที่จ่ายไปรึไง?” นัมอูฮยอนยังคงถามต่อ ตามสไตล์คนอยากรู้อยากเห็นและพูดมาก
“ _ _ ”
“อ่า แล้วจะฝากซื้อขนมอะไรมั้ย?” คำถามที่ถามมาทำให้ซองกยูงงนิดหน่อย อูฮยอนจึงขยายความต่อให้ “ฉันจะขึ้นมากินเป็นเพื่อนนาย จะฝากซื้ออะไรรึเปล่า จะได้ไม่ต้องเดินลงไปไง”
คำขยายความของคนตรงหน้าทำให้ซองกยูเข้าใจ จึงส่ายหน้าปฏิเสธไปเท่านั้น ทั้งที่ในใจก็อยากจะถามว่า ‘ไม่เสียดายค่าอาหารที่จ่ายไปรึไง’ แต่ไม่เอาดีกว่า _ _;;
หลังจากนั้นอูฮยอนบอกลา ก่อนจะเดินออกจากห้องเรียนไปเพื่อซื้อของขึ้นมากินเป็นเพื่อนซองกยู..
30 นาทีผ่านไป
‘ทำไมนานจังเลยนะ?’
‘คนเยอะเกินไปงั้นหรอ?’
‘เป็นอะไรรึเปล่านะ?’
‘....เป็นห่วงจัง’
ซองกยูที่นั่งรอคนที่หายไปซื้อของมากินด้วยกันพร้อมกับกล่องข้าวที่ยังไม่ได้แกะบนโต๊ะเรียนด้วยความเป็นห่วงที่เจ้าตัวหายไปนานเกินไป เขารอไปอีกสักพัก แต่อูฮยอนก็ยังไม่มาจนเขาเริ่มกระวนกระวายว่าจะเกิดอันตรายอะไรรึเปล่า บางทีเขาก็คิดมากเกินไปเนอะ แต่มันก็อดคิดไม่ได้เหมือนกันนี่นา
เมื่อเห็นว่าผ่านไปประมาณสี่สิบห้านาทีแล้วอูฮยอนยังไม่กลับมา ซองกยูจึงเริ่มเดินออกตามหา สิ่งนึงที่เขาลืมคิดไปก่อนหน้าที่คนตัวเล็กจะออกไปซื้อของก็คือ อูฮยอนเพิ่งเข้ามาเรียนวันแรก ยังไม่รู้จักเส้นทางดีเลย เขาเลยคิดว่าอูฮยอนอาจจะหลงอยู่ที่ไหนสักที่แน่ๆ ซึ่งถ้าหลงไปในที่ที่ไม่ควรไป คงเป็นอันตรายแน่ๆ
ซองกยูเริ่มตามหาอูฮยอนโดนเริ่มจากทางไปยังโรงอาหารซึ่งมีซองทาง เขาคิดว่าบางทีอูฮยอนอาจจะงงและหลงตรงนี้ก็ได้
เขาตามหาอูฮยอนด้วยความเป็นห่วงและเร่งรีบจนในที่สุดก็เจอ อูฮยอน..
กับ นักเรียนชายอีกคนหนึ่ง..
แล้วทำไมหัวใจของเขาอยู่ดีๆมันถึงปวดหนึบแปลกแบบนี้นะ เวลาเขาอยู่กับร่างเล็กทีไรมักจะมีอาการแปลกๆทุกทีเลย...
หวังว่ามันคงไม่ได้เป็นเหมือนพวกนิยายรักอะไรพวกนั้นหรอกนะ..
ซองกยูที่เห็นอูฮยอนกำลังคุยสนุกอยู่จึงจะหันหลังกลับ แต่ก็ประจวบเหมาะกับเจ้าตัวหันมาเจอะเขาพอดี
“อ้าวซองกยูนี่~” ร่างเล็กกวักมือเรียก เขาจึงเดินเข้าไปหา “ว้า ออกมาทำไมเนี่ย อุตส่าไปซื้อให้แท้ๆเลย~”
อูฮยอนพูดด้วยน่ำเสียงขบขัน คงไม่รู้สิ่นะว่าตัวเองหายมานานมากกกกกกกน่ะ
“อ้อนี่ซองยอล ญาติฝ่ายแม่ฉันน่ะ นายรู้จักกันมั๊ย?”
“ฉันน่ะรู้จักสิ่ ซองกยูไม่พูด” ซองยอลว่าด้วยน้ำเสียงร่าเริง จะว่าไปจะไม่รู้จักได้ยังไงกันล่ะ โรงเรียนนี้มีคนไม่พูดอยู่แค่คนเดียว แล้วยิ่งอยู่ชั้นเดียวกันด้วยแล้วเนี่ย
“....” ^^;; นี่เขาดังด้วยหรอเนี่ย ดังเพราะไม่พูดเนี่ยนะ เชื่อเค้าเลย..
“จะว่าไปฉันหิวแล้วล่ะซองยอล ไปก่อนนะ” ว่าจบก็โบกมือล่ำลากันก่อนจะแยกกันไปคนละทิศคนละทาง
เกือบลืมหายใจเมื่อเธอเข้ามา ใกล้ ๆแค่เธอยิ้มมา ก็สั่นไปทั้งหัวใจอยากจะบอกเธอให้ได้รับรู้ความในใจ
“ไปกันเถอะกยูกยู~^0^” อูฮยอนเริ่มเดินพร้อมกับยกแขนกอดคอเพื่อนไม่พูดคนนี้ไปด้วย
ตึกๆ ตักๆ ตึกๆ ตักๆ
เอาอีกแล้วไง ซองกยูเป็นแบบนี้อีกแล้ว แต่คราวนี้มันเต้นแรงมากจวนจะออกมาขากอกแล้วเนี่ย U_U
“นี่ซองกยูยา รู้มั้ยว่าตอนแรกน่ะฉันมาทีหลังแหละแล้วต่อแถวอยู่หลังสุดด้วยแต่อยู่ดีๆก็..บลาๆๆๆๆๆ”
เสียงพูดคุยตลอดทางเดินที่มีเพียงแค่เขากับอูฮยอนแค่สองคน เสียงพูดของคนข้างกายจึงได้ยินชัดเจนมากกว่าเวลาอื่นๆ เขาหันไปมองใบหน้าด้านข้างของคนตัวเล็กที่อยู่ห่างกันแค่ไม่กี่คืบด้วยรอยยิ้ม
ตึกๆ ตักๆ ตึกๆ ตักๆ
เวลานี้เองที่เขารู้ว่า อ่า..เขาคงตกหลุมรักหนุ่มน้อยพูดมากแต่น่ารักคนนี้เข้าให้จริงๆแล้วล่ะมั้งเนี่ย~
+++ ไม่บอกเธอ +++
แต่บอกตอนนี้ไม่รู้จะเร็วไปหรือไม่ก็ยังไม่รู้ว่าเธอคิดเช่นไรถ้าบอกคำนั้นแล้วเธอตอบมาว่าไม่ใช่ถ้าเป็นแบบนี้เธอคงจะเดินหนีไปดีพอแล้วที่ได้มีเธออยู่ใกล้ ๆได้ยินเสียงได้คอยดูแลอยู่ไม่ไกลจะซ่อนความลับเอาไว้ในหัวใจมากเพียงไหนฉันจะไม่ยอมพูดไปเช้าวันต่อมา
คิมซองกยูเดินเขามาในโรงเรียนคนเดียวตามปกติแต่แตกต่างกับทุกวันตรงที่ วันนี้เขามีความอยากที่จะมาโรงเรียนมากกว่าทุกวัน เพราะใครบางคน..^ ^
เขาเดินมาเรื่อยๆด้วยรอยยิ้มบางเบา เช้าวันนี้อากาศแจ่มใส และลมก็เย็นสบายราวกับว่าต้อนรับความสุขใหม่ๆของคิมซองกยูวันนี้ ความสุข ที่ทำให้ใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลยล่ะ~
“โอะ! ซองกยูยา~!”
เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้เขาหันไปมองแล้วพบว่าอูฮยอน ความสุขของเขากำลังตรงมาทางนี้
“อรุณสวัสดิ์!” นัมอูฮยอนกล่าวทักทายพร้อมกับเข้ามากอดคอ
“ (////^_^////) ”
หลังจากที่เขายิ้มทักทายไปอูฮยอนก็หยุดและมองหน้าเขา เอ๋มีอะไรงั้นหรอ?
“นายยิ้มแล้วน่ารักจัง ฮ่าๆๆ ^////^”
“(^/////^)” เขิน
หลังจากยืนเขินกันอยู่ซักพักก็เป็นซองกยูเองที่จับมืออูฮยอนเดินเข้าไปในห้องเรียน ท่ามกลางสายตาของอูฮยอนที่ออกจะตกใจนิดหน่อย..
.
.
“ซองกยูขอลืมลิขวิดหน่อย ฉันหาไม่เจอง่ะ ๐^๐” อูฮยอนค้นกระเป๋าดินสอตัวเองไปด้วยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาขอยืมจากคนข้างกายเมื่อหาไม่เจอ
แต่ซองกยูที่มองอยู่ตั้งแต่แรกเมื่อเห็นใบหน้าบึ้งตึงพร้อมกับกากลิขวิดบางส่วนที่ติดใบหน้าน่ารักนั้นอยู่ถึงกับต้องยิ้มขำด้วยความเอ็นดู
พร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปหาจนระยะห่างแค่ปลายจมูก ก่อนที่เขาจะยิ้มและแกะกากลิขวิดที่ติดอยู่บนหน้าออกให้กับเจ้าตัวที่ตอนนี้อึ้งไปแล้ว
ตึกๆ ตักๆ ตึกๆ ตักๆ~
นัมอูฮยอนนั่งตัวแข็งเพราะความตกใจระคนใจสั่น เพราะใบหน้าที่เลื่อนเข้ามา พร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้เขาเขินนั่นอีก ไม่ไหวๆ อูฮยอนใจสั่นไปหมดแล้วนะ
“ทำบ้าอะไรเนี่ย! >/////<” เมื่อสติกลับมา อูฮยอนก็โวยวายพร้อมกับใบหน้าที่แดงจัด
อ่า น่ารักจัง~♥
ซองกยูที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ยิ้มให้อย่างเดียว ทำให้อูฮยอนดีดดิ้นด้วยความเขินก่อนจะชิงหลับไปซะเลย!
แต่สิ่งที่เขาคิดตอนนี้มีใครรู้มั้ยว่าเขาดีใจมากแค่ไหนที่อูฮยอนเขินหน้าแดงแบบนี้ ก็ในเมื่อเขาชอบอูฮยอนไปแล้ว เขาก็ต้องทำให้อูฮยอนชอบเขาบ้างสิ่ ถูกมั้ยล่ะ :)
.
.
กริ๊ง กรี๊ง~
ถึงคาบพักแล้ว แต่อูฮยอนยังนอนอยู่เช่นเดียวกับเมื่อวาน แต่ต่างกันตรงที่คนที่มองอยู่..คิดจะทำอะไรบางอย่าง..
จึ๊กๆ จึ๊กๆ
นิ่ง..
แรงสะกิดไม่มีผลกระทบแก่การนอนของชายพูดมากคนนี้ ฉะนั้นต้อง.. ~
“อูฮยอนอา~ ตื่นได้แล้ว” เขาพูดพร้อมกับเอาแขนโอบรอบตัวร่างเล็กแล้วเขย่าไปด้วย ร่างเล็กที่นอนอยู่จึงเริ่มขยับ คงเริ่มรู้สึกตัวแล้วล่ะ
“งืมๆ” ร่างเล็กเริ่มขยับตัวไปมาก่อนที่จะหันไปอีกด้านและนอนต่อ แต่เชื่อเถอะว่าคราวนี้คนที่นอนอยู่ต้องตื่นแน่ๆ
“อูฮยอนอา ตื่นๆๆๆ” ซองกยูพูดพร้อมกับเขย่าตัวร่างเล็กแรงๆอีกครั้งหนึ่ง แต่ร่างเล็กยังนิ่ง เอ~ ไม่เป็นตามที่คิดงั้นหรอเนี่ย
แต่จริงๆแล้วคนที่นอนอยู่ตอนนี้ตื่นแล้วต่างหาก และได้ยินชัดเจนเต็มสองหูด้วยว่าเสียงเรียกเขาเมื่อกี้ มันมาจากคนข้างๆเขาตอนนี้ เสียงที่นุ่มหูน่าฟังแบบนี้ ที่เขาได้ยินแค่คนเดียว.. ทำเอาหวั่นไหวอีกแล้วสิ่
ตึกๆ ตักๆ ตึกๆ ตักๆ~
“อูฮยอ..!!” ซองกยูที่กำลังเรียกอีกครั้งหนึ่งกลับต้องตกใจเพราะอยู่ดีๆร่างที่นอนนิ่งเมื่อครู่ก็ลุกเด้งขึ้นมาพร้อมกับทำตาวาว
เอ่อ.. ถ้าตายแล้วนี่ซองกยูวิ่งหนีจริงๆนะ - -;;
“ซองกยูนายพูดแล้วๆๆๆๆ >0<” อูฮยอนเขย่าตัวร่างสูงอย่างแรงด้วยความดีใจ ก่อนจะดึงเข้าไปกอด
กอดจริงๆ ไม่ใช่แค่กอดคอตามประสาเพื่อนแบบที่ผ่านมา ก่อนที่ร่างบางจะรู้สึกตัวว่าดีใจไปหน่อยแล้วผละออกมา
“โทษที ดีใจไปหน่อย ^^;;”
“(^^)” สายหน้าๆ
“ซองกยู นายเรียกอีกทีสิ่ๆ *0*” อูฮยอนพูพร้อมกับทำตาวาว
แต่ซองกยูก็แค่ยิ้มให้อย่างเดียว อูฮยอนรู้ว่าการยิ้มให้อย่างเดียวของคนตรงหน้านี้คือการปฏิเสธจึงทำหน้ามุ่ย แล้วลุกขึ้นหมายจะไปซื้อของที่โรงอาหาร
“จะเอาไรมั้ย?”
อาการที่คนตรงหน้าถามด้วยหน้าที่มุ่ยเต็มที่ทำให้ซองกยูหัวเราะในลำคอนิดหน่อยก่อนที่จะดึงคนตรงหน้าให้นั่งลงตามเดิม และหยิบกล่องข้างสองกล่องขึ้นมาแล้วยิ้มให้
“มากินกันเถอะ ^^” ซองกยูที่พูดอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับฝ่ามือที่ลูบหัวอูฮยอนเบาๆสองสามทีทำให้ร่างบางตกใจนิดหน่อยก่อนจะยิ้มแปล้และลงมือทานข้าวที่ซองกยูเตรียมมาให้
“อื้ม มากินกันเถอะ~!!”
+++ ไม่บอกเธอ +++
มองกันให้ดีเธอก็คงรู้ในความห่วงใยฉันมีอะไรซ่อนอยู่ที่ยังไม่รู้ คือเธอนั้นคิดอย่างไรมองกันให้ดี เธอก็คงจะเห็นความจริงที่เป็น ว่าฉันคิดอะไรกับคำนั้น ที่ยังไม่ได้พูดไป
คาบพละ
“เอาล่ะนักเรียนที่น่าร้ากกกกก ของคุณครูทุกๆคน~!”
“คร้าบ~/ค่า~”
เสียงเรียกของคุณครูพละที่เดินเข้ามาในโรงยิมทำให้เด็กนักเรียนที่คุยเล่นกันอยู่หยุดชะงักก่อนจะเดินไปตั้งแถวหน้ากระดานตามที่ทำเป็นประจำ
ซองกยูเองที่เห็นว่าอูฮยอนเพิ่งเข้ามาใหม่จึงจับมือป้อมจูงเข้ามาเรียงแถวด้วย
จะว่าไปวันนี้พวกเขาชักทำตัวเหมือนแฟนกันจังเลยเนาะ~
“เนื่องจากนักเรียนทุกคนทำตัวน่ารักกับครูเสมอ~ วันนี้ครูจะไม่สอน” คุณครูยกมือขึ้นสูง จนนักเรียนมองตาม “แต่ครูจะให้พวกเราวิ่งสามขาแข่งกัน คู่ไหนที่ได้ที่หนึ่งถึงสามครูมีรางวัลที่แสนยิ่งใหญ่ให้!!”
คำประกาศิต(?)ของคุณครูทำให้เกิดเสียงซุบซิบกระหึ่มขึ้นมาในโรงยิม บ้างก็บ่นไม่อยากแข่ง บ้างก็ตื่นเต้นและกำลังจับคู่กับเพื่อนๆอยู่ อูฮยอนก็เช่นกัน
“ซองกยูนายต้องคู่กับฉันนะ” อูฮยอนว่า
ถึงแม้ว่าอูฮยอนจะมีเพื่อนคุยเยอะตามประสาคนร่าเริงแจ่มใส แต่เพื่อนที่เจ้าตัวสนิทใจจริงๆมีแค่ซองกยูกับซองยอลญาติเพื่อนสนิทเท่านั้นเอง จะว่าไปอูฮยอนก็เป็นคนไว้ใจคนยากเหมือนกันเนอะ ฮ่าๆ
“.....” พยักหน้า
จริงแล้วอูฮยอนไม่ต้องพูดอย่างนี้เขาต้องคู่กับอูฮยอนอยู่แล้ว เพราะซองกยูน่ะ มีเพื่อนซะที่ไหนกันล่ะ ^^;;
“อ้าวๆ จับคู่กันได้รึยังหืม?” คุณครูโพล่งขึ้นมาทำให้เสียงกระหึ่มเบาลงนิดหน่อย แค่นิดหน่อยเท่านั้นแหล่ะ “ห้องพวกเธอมี 36 คน ครูจะแบ่งให้เล่นทีละ 6 คู่ แล้วคู่ที่ชนะแต่ละรอบจะมาแข่งกันในรอบสุดท้าย ตกลงมั้ย!?”
“คร้าบ / ค่า”
“เอาล่ะ เริ่มการแข่งขันได้!”
การแข่งวิ่งสามขาที่ไม่เป็นทางการดำเนินไปอย่างราบรื่น จนกระทั่งถึงตาที่ซองกยูและอูฮยอนจะต้องแข่ง เพื่อนที่ไม่ได้แข่งมามัดเท้าของพวกเขาให้ติดกันเช่นเดียวกับคนอื่นๆ
“นี่ ฉันว่ามันหลวมไปอ่ะ” อูฮยอนบอกกับเพื่อนที่กำลังมัดเท้าให้เขาทั้งสองคนอยู่ ถ้าเกิดหลวมเกินไปมันจะทำให้ล้มนี่นา แล้วเขาดันอยากชนะซะด้วย ฮ่าๆ
“อ้าว งั้นหรอ” เพื่อนคนนั้นแก้ปมแล้วมัดใหม่ให้แน่นกว่าเดิม “แน่นเท่านี้พอมั้ย?”
“อะ..อื้ม พอแล้วล่ะ” เมื่ออูฮยอนตอบไปเพื่อนคนนั้นจึงเดินกลับไปตรงที่เชียร์ อูฮยอนคิดว่ามันแน่นเกินไปด้วยซ้ำ เลือดแทบไม่เดินแล้วเนี่ย แต่แย้งอีกเดี๋ยวโดนหมั่นไส้ ยิ่งผู้หญิงด้วย ไม่เอาดีกว่า
“นักเรียนทั้งหมดเตรียมตัว!” คุณครูคาบนกหวีดไว้ที่ปาก “ปรี๊ด!!!!!”
เมื่อได้ยินเสียงนกหวีดเป่า นักเรียกทุกคนจึงเริ่มกึ่งเดินกึ่งวิ่งทันที ซองกยูและอูฮยอนเองก็ด้วย ซองกยูกอดคอคนตัวเล็กไว้ และอูฮยอนก็กอดเอวเขาแล้วเดินไปพร้อมๆกัน แต่พอเมื่อมาถึงกลางทาง เท้าที่รัดแน่นเกินไปบวกกับแรงดึงของสองคนที่ไม่พร้อมกันเท่าไหร่ทำให้เท้าอูฮยอนเริ่มชาและไม่รู้สึก ซองกยูเห็นอาการหน้ามุ่ยแบบนั้นจึงส่งสายตาถามว่ายอมแพ้มั้ย แต่อูฮยอนก็คืออูฮยอน ไม่มีทางยอมแพ้ แต่สุดท้ายเท้าของเจ้าตัวก็รับไม่ไหว ล้มลงกลางทางอยู่ดี
อูฮยอนเตรียมจะลุกขึ้นไปแข่งต่อ แต่ซองกยูที่เห็นเท้าอูฮยอนเป็นสีซีดจึงตกใจมากและเจ้าตัวให้นั่งลงแล้วแก้ปมให้ ‘ยอมแพ้ไปเถอะดีกว่าเจ็บตัว’ ซองกยูคิดอย่างนั้น
“อะ โอ้ย!” อูฮยอนร้องเมื่อซองกยูจับเท้าของตัวเอง
“เจ็บหรอ?” ซองกยูถามขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง อา..วันนี้ซองกยูพูดกับหนุ่มน้อยคนนี้กี่รอบแล้วเนี่ย
“อื้ม”
แสดงว่า ข้อเท้าคงพลิกด้วยแน่เลย
ถ้าอย่างนั้น..
ซองกยูหันหน้าไปหาอาจารย์พร้อมกับยกมือแล้วส่งสัญญาณทำลักษณะว่าจะพาเพื่อนไปห้องพยาบาล เพื่อนๆทั้งหมดจึงหันมาสนใจพวกเขาทั้งสองคนทันที
ขอเสร็จซองกยูจึงหันหลังให้คนที่ขาเจ็บอยู่ แต่เหมือนว่าเค้าจะไม่เข้าใจ ซองกยูจึงบอก “ขี่คอไง จะพาไปห้องพยาบาล”
เมื่อซองกยูพูดทั้งโรงยิมจึงอยู่ในความเงียบทันที ก่อนที่จะมีเสียงโห่แซวออกมา
“ไอ้ซองกยูมันพูดกับอูฮยอนด้วยหรอวะ หูยๆ เขาเพิ่งเข้ามาสองวันเอง มีซัมธิงอะไรกันแล้วหรอเนี่ย~”
เสียงโห่แซวทำให้อูฮยอนรีบกระโดด(?)ขึ้นหลังซองกยูทันทีด้วยความเขิน เมื่อคนเจ็บขึ้นเสร็จแล้วซองกยูจึงเอามือเกี่ยวขาอูฮยอนและเดินไปทันที... พร้อมเสียงแซวที่ทำให้คนบนหลังเขาเขินหน้าแดงถึงหูไปหมด
งื้ออออ ทำไมอูฮยอนเขินง่ะ /มุดๆๆ/ ><
หลังจากที่ทั้งสองไปห้องพยาบาลคุณครูห้องพยาบาลจึงได้บอกให้อูฮยอนพักผ่อนก่อนในขณะที่ซองกยูกลับไปห้องเรียนตามปกติ
แต่เมื่อพอเขาเปิดประตูเข้ามาในห้องเท่านั้นแหละ
“เฮ้ยๆ ไอ่ซองกยูมาแล้วๆ~!” นักเรียนชายหลังห้องกลุ่มหนึ่งตะโกนบอกกันในกลุ่มก่อนที่จะมีคนนึงกระโดดข้ามโต๊ะเรียนออกมา
‘อีโฮวอน’ ลูกพี่ลูกน้องตัวแสบที่(แกล้ง)ไม่ถูกชะตากันตั้งแต่เด็ก ด้วยเพราะว่าซองกยูชอบแหย่ อ่านไม่ผิดหรอก ซองกยูชอบแหย่แล้วก็แกล้งอีโฮวอนตอนเด็กๆ ตอนนี้มันก็คงก็แค้นมาแกล้งเขาตอนโตนี่ไง -*-
“นี่ คิมซองกยู นายมีอะไรกับอูฮยอนของฉัน” อีโฮวอนถามพร้อมกับทำหน้าตาหาเรื่องเต็มที่ แต่ก็แปลกว่าทั้งๆที่โฮวอนก็เป็นถึงหัวหน้าแก๊งหลังห้อง(พวกเด็กเกเรียนน่ะแหละ)แต่เขากลับไม่เคยกลัว ก็คงเพราะเขาแกล้งมาตั้งแต่เด็กนั่นแหละ
“…..” เมื่อกี้อีโฮวอนพูดว่าอูฮยอนของฉันงั้นหรอ? ของมันตอนไหนกัน?
“เอ้าไม่ตอบ ตอบดิ่ๆ”
“สงสัยเพราะกลัวมึงแน่เลยว่ะโฮวอน ฮ่าๆๆๆๆๆ” คนหนึ่งจากแก๊งเด็กหลังห้องตะโกนออกมาด้วยความขำขันก่อนที่ทุกคนในกล่มจะหัวเราะไปตามๆกัน รวมถึงอีโฮวอนลูกพี่ลูกน้องตัวแสบของเขาด้วย
กลัวอีโฮวอนบ้าบออะไรกัน -*-
ในขณะที่แก๊งหลังห้องกำลังหัวเราะกันอยู่นั้น..
“พวกนายหัวเราะอะไรกัน?” นัมอูฮยอนเดินเข้าห้องมา
นัมอูฮยอนมาได้ไงกัน ไหนครูห้องพยาบาลบอกให้พักก่อนไม่ใช่หรอ?
“หายแล้ว” อูฮยอนหันมาพูดเบาๆกับซองกยูราวกับว่าอ่านใจเขาออก “แถมนั่งเรียนก็ไม่ได้ใช่ขานี่นา~^^”
“แต่พวกนายน่ะมาแกล้งเพื่อนฉันรึไง!” เมื่อคุยกับซองกยูเสร็จคนตัวเล็กก็หันไปตวาดใส่พวกกลุ่มโฮวอนบ้าง แต่ก็ดัมีคนนึงในกลุ่มพูดคำๆนึงขึ้นมา คำที่ทำให้ทั้งเขาและอูฮยอนนิ่งกันไปเลยทีเดียว..
“แน่ใจหรอว่าเพื่อน?” แต่คำๆนี้ก็ทำให้คนทั้งห้องหันมาให้ความสนใจทันที
“…..”
“จะ..จะเพื่อนไม่เพื่อนแล้วมายุ่งอะไรด้วยเล่า!” อูฮยอนหันไปตะโกนใส่คนนั้นก่อนที่จะจับมือเขาแล้วไปนั่งที่โต๊ะ “ป่ะเหอะ อย่าไปสนใจเลย”
“วู้วๆ~” เสียงล้อเลียนยังคงมีมาต่อเนื่อง แต่โชคดีที่อาจารย์เข้ามาสอนพอดีเลยเงียบกันได้ -*-
+++ ไม่บอกเธอ +++
จะเก็บเอาไว้ในวันที่จะเผยใจรอวันนั้น วันที่ฉันแน่ใจว่าวันนี้เธอคิดว่าฉันนั้นใช่และเธอพร้อม จะฟังความข้างใน
ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุการณ์ที่ซองกยูพูดแล้วเพื่อนในห้องได้ยินก็ผ่านมาอาทิตย์นึงแล้ว แต่เพื่อนในห้องก็ยังคงล้อเรื่องเขากับอูฮยอนอยู่ ใช่ว่าซองกยูจะไม่ชอบนะ เขาชอบเลยล่ะ แล้วยิ่งชอบด้วยเมื่อเห็นคนตัวเล็กเขินเมื่อโดนล้อน่ะ แต่ก็ใช่ว่ามันจะดีมากเสมอไปล่ะนะ บางทีมันก็น่ารำคาญไป - -
“เอ่อ ซองกยูยา หนักมั้ย?” นัมอูฮยอนถามขึ้นมาเมื่อเห็นเขาถือหนังสือกองโตที่เพื่อนฝากมาส่ง ตอนแรกอูฮยอนจะอาสาช่วยถือ แต่เมื่อวานเจ้าตัวเพิ่งสะดุดล้มแขนกระแทกมุมโต๊ะ เขาเลยไม่อยากให้ถือสักเท่าไหร่
เขาเดินคุยกันไปเรื่อยๆ ช่วงเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ได้อยู่ด้วยกันทำให้ทั้งสองคนแลกเปลี่ยนข้อมูลชีวิตประจำวันของกันและกันมากมาย และซองกยูก็พูดกับอูฮยอน(แค่คนเดียว)ด้วย เขารู้เรื่องกันและกันหลายๆอย่าง ทั้งเรื่องที่ซองกยูไม่พูดเพราะไม่ไว้ใจใคร และซองกยูโตกว่าอูฮยอนหนึ่งปี แต่ก็ไม่แปลกหรอกเพราะอูฮยอนเกิดเดือนกุมภา จึงสามารถเรียนเร็วได้
แต่ในระหว่าที่เดินคุยกันอยู่คุณครูพละก็เดินผ่านมา และเมื่อเห็นอูฮยอนจึงเรียก
“นี่ๆ นายว่างใช่มั้ย?” คุณครูถามอูฮยอน “นายช่วยไปหยิบกุญแจที่วางอยู่บนโต๊ะปิงปองและล็อคโรงยิมให้ทีสิ่”
เหตุผลที่ให้ไปปิดโรงยิมก็คือพวกอันธพาลโรงเรียน(ที่แท้จริง)มักจะไปมั่งสุมกันอยู่ที่ในโรงยิมแล้วล็อคประตู ไม่มีใครโดนจับได้จริงๆสักที ช่วงหลังครูพละจึงมักจะล็อคประตูนั้นไว้เสมอ แต่วันนี้ดันลืมซะได้ และที่ต้องใช้เด็กไปก็คือเขามีประชุมเร่งด่วนนี่สิ่จึงไปเองไม่ได้ อูฮยอนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเพราะเพิ่งเข้ามาใหม่จึงรับปากไว้ แต่ซองกยูรู้เรื่องนี่สิ่!
“อะ..” ซองกยูที่อยากจะพูดบอกครูออกไปแต่ไม่กล้า อยากจะจับมือรั้งอูฮยอนไว้แต่ทำไม่ได้เพราะถือของอยู่ ทำให้อูฮยอนเดินจากเขาไปพร้อมกับคุณครูพละ
ซองกยูที่รู้ว่าอูฮยอนอาจตกอยู่ในอันตราย แม้จะรู้ว่ามันไม่ใช่เวลาที่พวกอันธพาลจะมามั่วสุม แต่ก็ไว้ใจไม่ได้นักหรอก เขาจึงพยายามวิ่งเอาหนังสือไปส่งให้เร็วที่สุดก่อนที่จะตามอูฮยอนไปโรงยิมทันที..
อีกด้านหนึ่ง
แอ๊ด~
อูฮยอนเปิดประตูเข้ามาในโรงยิมพร้อมกับสอดส่ายตาไปรอบๆว่ากุญแจที่คุณครูให้หยิบอยู่ตรงที่ใด ก่อนจะเจออยู่บนโต๊ะปิงปองอย่างที่ว่าจริงๆ จึงเดินเขาไปเอาและออกมาล็อคประตูโรงยิมตามที่สั่งเรียบร้อย..
“เฮ้ย นายอ่ะล็อคทำไมวะ!?” มีเสียงหนึ่งพูดขึ้นมาด้านหลีงเขาทำให้หันไปมอง “วู้ว~ น่ารักด้วยว่ะพวกมึง~!”
“......” อูฮยอนไม่ตอบอะไร เพียงแค่ก้าวถอยหลังไปทีละนิดเท่านั้น เมื่อรู้สึกว่าตนเองอาจจะได้รับอันตราย
‘ซะ ซองกยู ช่วยฉันด้วย’ ในหัวของเขามีแต่คำนี้เต็มไปหมด ได้แต่หวังในใจและหวังไว้ว่าลึกๆ คนที่เขากำลังคิดถึงอยู่จะมาช่วย จะเป็นไปได้มั้ยนะ?
“นี่ กลัวพวกฉันงั้นหรอ?” คนที่คาดว่าเป็นหัวหน้าเดินเข้ามาหา แล้วนำมือมาจับแก้มเขา “มาสนุกด้วยกันเถอะน่า~”
‘เอามือสกปรกออกไปจากหน้าฉันเดี๋ยวนี้นะ!’ เขาคิดอย่างนั้น แต่ก็ทำได้แค่คิด เพราะตอนนี้เขาได้แค่หลับตาและหันหน้าหนีด้วยความกลัวเท่านั้น แต่ก่อนที่จะมีอะไรเกิดขึ้น..
ฟึ่บ! ผลัวะๆ!
“อั่ก!”
“อ๊าก! โอ๊ย!”
เสียงของบางอย่างกระทบกันพร้อมกับมือสกปรกที่จับอยู่ใบหน้าออกไปทำให้เขาลืมตาขึ้นมาก่อนที่จะพบแผ่นหลังสูงคนหนึ่งกำลังบังร่างของเขาไว้
คนที่เขาคิดนั่นเอง ซองกยูนั่นเองที่มาช่วยเขาไว้.. ขอบคุณนะ
“นาย.. ไม่เป็นไรใช่มั้ย?” ซองกยูหันกลับมาถามร่างบางที่กำลังสั่นอยู่ “ไม่เป็นไรแล้วนะ ฉันและพวกโฮวอนมาช่วยแล้วไม่เป็นไรนะ”
ว่าจบก็ดึงร่างเล็กมากอดด้วยความเป็นห่วงและปลอบประโลม แต่ด้วยความสูงที่ต่างกันไม่มากทำให้อูฮยอนเห็นว่ากำลังมีคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาหาเขาทั้งสองคนพร้อมกับไม้เบสบอล
วูบ! ตุ้บ!
ไวกว่าความคิดอูฮยอนหมุนตัวออกจากอ้อมกอดก่อนที่จะเตะไปที่ท้องน้อยของคนนั้นจนคาดว่ากว่าจะลุกขึ้นมาอีกคงนาน บวกกับที่พวกของโฮวอนคนหนึ่งมาลากไปมัดรวมกันกับกลุ่มของพวกมันเพื่อส่งให้ฝ่ายปกครอง
ว่าแต่ทำไมซองกยูและโฮวอนถึงมาด้วยกันล่ะ?
“ฮู้ว! เหนื่อยจัง สงสัยไม่ได้ออกกำลังมานานไปหน่อย~” โฮวอนพูดออกมาก่อนจะปรายตาไปที่ลูกพี่ลูกน้องของเขา ถือว่าตอบแทนที่ช่วยเรื่องเรียนเรื่องรายงานจนผ่านมาถึงทุกวันนี้ได้แล้วกัน “ไปพวกเรา ลากมันไปหาคุณครูสุดที่รักในห้องปกครองกันดีกว่า~”
เมื่อหัวหน้าแก๊งพูดจบบรรดาลูกน้องทั้งหลายต่างก็พากันลากตัวบรรดาศพ(?)ไป พร้อมกับเสียงโหวกเหวกโวยวาย
เมื่อหมดเสียงโหวกเหวกโวยวายอูฮยอนจึงหันกลับมาดูซองกยูที่ถูกเขาเหวี่ยงหลบเมื่อครู่ ก่อนจะตกใจระคนตลกในท่านั่งของคิมซองกยูตอนนี้
คิมซองกยูนั่งอยู่ในท่าก้นจ้ำเบ้าอยู่กับพื้นโดยที่มือข้างนึงจับหน้าผากตัวเองไว้ คาดว่าคงไปโดนมาตอนที่เขาเหวี่ยงนั่นล่ะ ^^;;
“ซองกยูยา ขอโทษน้า มาช่วยแท้ๆเลย ^^;;” อูฮยอนบอกพร้อมกับยกมือขึ้นลูบบนฝ่ามือที่ลูบหัวตนเองอยู่แล้วยิ้มแหยๆให้
“นั่นสิ่ มาช่วยแท้ๆเลย..”
“ซะ ซองกยูยา นายไม่โกรธฉันใช่มั้ยอ่า?”
“ป่าว แค่เสียฟอร์ม..”
“.....ฮ่าๆๆๆ” จากตอนแรกที่อูฮยอนกลัวว่าคนตรงหน้าจะงอนเขากลับกลายเป็นว่าตลกเพราะความคิดมากเรื่องเสียฟอร์มของคนตรงหน้า “เสียฟอร์มอะไรกัน แค่นายมาช่วยฉันก็ดีใจมาแล้ว!”
“ดีใจจริงๆนะ?”
“อื้ม จริงๆสิ่” พยักหน้าหงึกหงัก “ทำไมล่ะ?”
“แล้วถ้าเป็นคนอื่นนายจะดีใจเท่านี้มั้ย?”
คำถามของซองกยูทำให้อูฮยอนชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่หรอก เพราะไม่ใช่คนที่ฉันคาดหวังไว้ ^^”
“.....”
“(^^)”
“ฉันรักนาย..” ซองกยูมองไปยังนัยน์ตาของคนตรงหน้า “ไม่ใช่ในฐานะเพื่อน แต่ในฐานะของผู้ชายคนหนึ่งที่อยากจะดูแลนายไปชั่วชีวิต ..นายอยู่กับฉันได้มั้ย?”
จะบอกว่ารักให้เธอได้ยินใกล้ ๆบอกว่ารักเธอได้ยินหรือไม่ถ้ายังไม่ชัด ฟังอีกครั้งก็ได้ได้ยินไหมว่ารักเธอทั้งหัวใจ
“.......”
คำสารภาพที่ตรงไปตรงมาของซองกยูทำให้หัวใจของอูฮยอนแอบเต้นผิดไปจังหวะหนึ่ง ก่อนที่มันจะเต้นแรงราวกับจะระเบิดออกมา พร้อมกับใบหน้าของเขาเริ่มแดงเพราะความเขินอาย
“อื้ม! ^//////^” เขาตอบพร้อมกับพยักหน้า ก่อนที่จะโดนคนตรงหน้าลากเขาไปกอด
อ่า วันนี้เขาถูกกอดสองรอบแล้วนะเนี่ย~
ทั้งสองกอดกันอยู่ครู่หนึ่งด้วยความรู้สึกอิ่มเอบและหหัวใจพองโต ก่อนผละออกมา
“อูฮยอนอ่า ไหนๆเราก็เป็นแฟนกันแล้ว..”
“ผะ ผมไปเป็นแฟนกับพี่ตอนไหนกัน!” ร่างเล็กแย้ง
“อ้าว ยังไม่ได้เป็นหรอกหรอ ..แต่ฉันบอกรักไปแล้วนี่นา” คำพูดที่ร่างสูงกล่าวออกมาทำให้อูฮยอนเขินจนก้มหน้างุด แต่ร่างสูงก็เอามือเชิดคางร่างเล็กให้มองหน้ากัน “ถ้าอย่างนั้น เป็นแฟนกันนะ”
ว่าเสร็จร่างสูงก็ยิ้มแบบที่ทำให้อูฮยอนหวั่นไหว ร่างเล็กที่เดิมหน้าแดงอยู่แล้วกลับยิ่งแดงจัดเขินไปอีกยิ่งทำให้ซองกยูหัวเราะในลำคอนิดหน่อยเพราะความเอ็นดู
“ซองกยูอ้ะ! ชอบแกล้ง!” ร่างเล็กตีแขนซองกยูเบาๆเพื่อระบายความเขิน “อื้ม เป็นอยู่แล้วแหละ ปฏิเสธได้ที่ไหนกัน รักไปแล้วนี่”
ฟอด~
จบคำอูฮยอนซองกยูก็หอมร่างเล็กไปทีหนึ่งด้วยความหมั่นเขี้ยว ช่วยไม่ได้ก็อยากน่ารักเองทำไมล่ะ :)
“งื้ออออ ><////”
“อูฮยอนอา เรียกฉันว่าฮยองไม่ได้หรอ?”
คำขอของร่างสูงตรงหน้าทำให้อูฮยอนชะงักในความคิดไปครู่หนึ่ง
“มันจะไม่แปลกหรอที่เพิ่งมาเรียกเอาตอนนี้” ร่างเล็กเว้นคำพูดไปช่วงหนึ่ง “แล้วก็ในห้องเรียนอีกอีก มันจะอึดอัดนี่นาเวลาฮยอง..”
“ฮยองไม่คุยกับใครเลยนอกจากนายนี่ จะอึดอัดอะไรกัน หืม?”
“แต่ว่า..” ร่างเล็กเตรียมจะแย้งแต่อีกคนก็พูดขึ้นมาก่อน
“อีกอย่าง มันเฉพาะสำหรับคนรักอย่างนายเท่านั้นล่ะ ที่อยากให้พิเศษ รู้มั้ย?”
“ง่ะ -///////-“
“งั้นเรียกซองกยูฮยองหน่อยสิ่ ..ซองกยูฮยอง~”
“ซะ ซองกยูฮยอง... งื้ออออ >////<” ว่าจบร่างเล็กก็ก้มหน้างุดด้วยความเขินแรงมากกกกกก
“ฮ่าๆ ขอกอดอีกทีสิ่” เมื่อพูดจบก็กอดอูฮยอนทันที แล้วงี้จะขออนุญาตทำไมกัน
แต่อยู่อย่างนี้ก็อบอุ่นดีแฮะ ขออูฮยอนอยู่อย่างนี้สักพักละกัน ^^
“อูฮยอนอา รักนะ” อยู่ดีๆซองกยูก็บอกรักร่างเล็กขึ้นมาเมื่อมีซากุระโปรยปลิวลงมาพร้อมกับสายลมอ่อนๆ
“อื้ม ฉะ..เอ้ย ผมก็รักฮยองฮะ~” ร่างเล็กบอกตอบพร้อมกับหลับตาและซึมซับบรรยากาศที่ดีแบบนี้ต่อไป
ถึงแม้จะมีบางอย่างขาดๆไป และต้องเรียนรู้กันไปบ้างแต่แค่ตอนนี้เรามีความสุขก็พอแล้วล่ะเนอะ~
..บรรยากาศหลังโรงเรียนที่อบอวลไปด้วยความรักมันชวนให้รู้สึกอุ่นใจจริงเลยน้า ชักอยากจะอยู่ใปนานๆแล้วสิ่~
..FIN..
******************
ฮรื้อออออ ในที่สุด เย่ๆๆๆๆ โอเอสวันเกิดพี่กยูก็ถูกคลอดออกมาแล้ว
หลังจากที่ตั้งท้องมาเก้าเดือน (เว่อร์)
บรรดารีดที่น่ารักคงไม่มึนกันใช่มั้ยคะ? ไรท์กลัวมันมึนๆมาก
เพราะตอนแต่งไรท์มันๆล่ะ ฮ่าๆๆ
จริงๆไม่คิดว่าจะเอาเพลงไทยเลยนะ
ที่คิดไว้คือเพลงเกาหลีซักเพลงที่ให้พี่กยูเป็นตัวเด่นเล่าเรื่อง
แต่เท่าที่ฟังหลายๆเพลงมันก้รู้สึกเฉยๆไม่มีอะไรมาสกิดใจเราโลย
แต่พอตอนไปเที่ยวได้ยินเพลงนี้อยู่ดีๆพล็อตมันก็ขึ้นมาในหัว อารมร์สุนทรีย์มันก็บังเกิด!
จึงออกมาเป็นเป็นฟิคมึนๆเล่นนี้แหละเจ้า..U-U
บางคนอาจจะคิดว่าทำไมพี่กยูไม่ยอมพูดวะ ไรท์เมคเปล่า คนแบบนี้มีจริงๆหรอ
ไรท์อยากบอกว่ามีจริงๆค่ะ เพื่อนที่เป็นญาติไรท์ตอนอนุบาลน่ะ ฮ่าๆ คุณชายเค้าไม่พูดเลยที่โรงเรียน แต่พูดที่บ้าน และเราคิดว่ามันเหมาะอย่างพอดิบพอดี
เพื่อจะทำให้นัมอูฮยอนเป็นคนพิเศษของพี่เค้าด้ายยย *-* ฮริ้ง~
สุดท้ายนี้ไรท์ขอขอบคุณรีดเดอร์ทุกคนที่เข้ามาอ่านผลงานของไรท์เรื่องนี้ ไรท์รักทุกคนจริงๆนะ ♥
ไรท์จะไม่อ้อนวอนขอคอมเม้นท์หรอก ...แต่ถ้าได้ก็ดี *0* ฮ่าๆๆๆๆ
หรือมาพูดคุยกับไรท์ได้น้า บางทีไรท์ก็เหงาๆอยากได้ทุกคนมาคุยด้วย มาคุยกันน้า
ที่ทวิตเตอร์เลย >> @mintspirit07
แล้วก็ฝากแท็กสำหรับวันช็อตทุกเรื่องๆด้วยนะค้า(ถึงแม้ตอนนี้จะมีเรื่องเดียวก็เถอะ)
แท็ก #ห้องสมุกมสปร น้าาา เรารักทุกคนมาคุยกันนะ
ถ้าเราเห็นเราสัญญาเลยว่าจะรีทุกอัน รักน้า~♥
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น